โรคฝีดาษลิง อาการอย่างไร สมุนไพรช่วยได้ไหม

โรคฝีดาษลิง อาการอย่างไร สมุนไพรช่วยได้ไหม
            โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด เช่น vaccinia virus, cowpox virus, variola virus เป็นต้น เชื้อไวรัสฝีดาษลิงเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ สามารถพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะหลายชนิด เช่นหนู กระรอก กระต่าย สัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง (จึงเรียกว่าฝีดาษลิง) รวมทั้งคนก็อาจติดเชื้อได้  

         ในคนสามารถติดฝีดาษลิงนี้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือการถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัด หรือการรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อที่ปรุงสุกไม่เพียงพอ โดยอาการของโรคฝีดาษลิงจะเริ่มปรากฎอาการหลังจากได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae ประมาณ 7 – 14 วัน ดังนี้
     
1. มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
     
2. ต่อมน้ำเหลืองโต
   
 3. หลังจากมีไข้ประมาณ 1-3 วัน จะมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผื่นขึ้นตามตัว แขนขา หรืออาจจะเกิดบนใบหน้า  ซึ่งตุ่มเหล่านี้จะอักเสบและแห้งไปเองใน 2 – 4 สัปดาห์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ ดังนี้
3.1 มีตุ่มนูนแดงคล้ายผื่น
3.2 ภายในตุ่มมีน้ำใสอยู่ภายใน รู้สึกคัน แสบร้อน
3.3 ตุ่มใสกลายเป็นหนอง เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ตุ่มหนองเหล่านั้นจะแตกออกและแห้งไปเอง

    4. อาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน เจ็บคอ ไอ หอบเหนื่อยร่วมด้วย

    5. บางรายที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัวอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้อาการรุนแรงอันตรายถึงชีวิตได้

วิธีการป้องกัน โรคฝีดาษลิง

    1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนอง ผู้ป่วยหรือสัตว์ที่อาจเป็นพาหะของโรค

    2. หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์หลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งต่าง ๆ

    3. สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาด

    4. การฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้

ในทางการแพทย์แผนไทย โรคฝีดาษลิง ก็คือ ไข้กาฬ 10 จำพวก ที่ปรากฏในคัมภีร์ตักศิลา ในตำราการแพทย์ไทยเดิม แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับอนุรักษ์  กล่าวถึงขั้นตอนในการวางยาสมุนไพรอยู่  3 ขั้นตอน ได้แก่

     1. การกระทุ้งพิษ หรือการขับออก เป็นการใช้ยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยในการลดไข้ เช่น ยาประสะจันทร์แดง
ยาจันทลีลา ยาห้าราก ยาเขียวหอม ร่วมกับการรักษา ผื่นคัน ด้วยการทายา พยายอ หรือน้ำมันมหาจักร

     2. การแปรไข้ หรือการใช้ตำรับยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นสุขุม ช่วยในการปรับสมดุลธาตุไฟ หรืออาจจะใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์แก้น้ำเหลืองเสีย เช่นตำรับยาที่มี เหงือกปลาหมอ ทองพันชั่ง ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้เป็นต้น

     3. การรักษาหลังหายจากไข้ เป็นขั้นตอนของการปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ในร่างกาย จะใช้เป็นยาหอมตำรับต่าง ๆ รวมทั้งการรักษารอยดำ หรือรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากการเป็นตุ่มหนอง ด้วยการใช้ครีมใบบัวบกในเรื่องของการลดรอยดำ

            ถ้าหากพบผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่สงสัยติดเชื้อโรคฝีดาษลิง จะต้องแยกผู้เสี่ยงติดเชื้อออกจากผู้อื่น เป็นเวลา 21 – 28 วัน จนกว่าผื่นจะตกสะเก็ด ในกรณีที่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกันกับผู้เสี่ยงติดเชื้อ ให้สังเกตอาการของตนเอง และแยกตัวเองออกจากผู้อื่นเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค

 

พท.ภ.จิราภา  ทองพึ่งสุข

ข้อมูลอ้างอิง
1. กรมควบคุมโรค. กรมควบคุมโรค เผยโรคฝีดาษลิงติดจากสัตว์สู่คนได้ แม้มีโอกาสติดน้อยแต่ต้องเฝ้าระวัง พร้อมแนะวิธีการป้องกัน . 2565,เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=25415&deptcode=brc

2.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข, โรคฝีดาษลิง(Monkeypox) เข้าถึงได้จาก http://nih.dmsc.moph.go.th/login/showimgdetil.php?id=904

3. ตำราการแพทย์ไทยเดิม(แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับอนุรักษ์) ,คัมภีร์ตักศิลา  พ.ศ.2550