ประโยชน์ของน้ำผึ้งทางการแพทย์แผนไทย

ประโยชน์ของน้ำผึ้งทางการแพทย์แผนไทย
          นายแพทย์เกียรติภูมิ  วงศ์รจิต  อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เคยให้สัมภาษณ์ถึงประโยชน์ของน้ำผึ้ง เมื่อวันที่ 8  พฤษภาคม 2561 ณ ห้องประชุมกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกว่า คนทั่วไปจะรู้จักน้ำผึ้งกันเป็นอย่างดี น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลฟรุคโทส (fructose) เป็นหลัก เป็นน้ำหวานโมเลกุลคู่ที่ได้จากดอกไม้หรือผลไม้ มีความหวานมากกว่าน้ำตาลกลูโคส ถึง 1.4 เท่า น้ำผึ้งที่ดีจะมีลักษณะข้นหนืด มีความใส โปร่งแสง สะอาด ไม่มีตะกอนหรือสิ่งเจือปน ไม่มีไขผึ้ง ไม่มีฟอง ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะของเกสรดอกไม้ ที่ผึ้งดูดน้ำหวานมา  
           น้ำผึ้งที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด คือ น้ำผึ้งเดือนห้า ที่มักจะได้รับการกล่าวขานว่ามีสรรพคุณดี เนื่องจากในฤดูกาลนั้น อากาศแห้งทำให้ความชื้นต่ำน้ำผึ้ง จะมีความเข้มข้นสูง

ตามตำราเภสัชกรรมไทย หรือตามตำราการแพทย์แผนไทย  
          น้ำผึ้ง มีรสหวาน สรรพคุณบำรุงกำลัง แก้สะอึก แก้ไข้ เป็นยาอายุวัฒนะและช่วยสมานแผล  น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบในตำรับยาไทยหรือพิกัดยาไทยหลายขนาน เช่น ตรีมธุรส บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร  (มีส่วนผสมของ น้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำมันเนย) และยาที่ใช้ในการบำรุงร่างกาย ตำรับต่าง ๆ จะมีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ซึ่งแพทย์แผนไทยใช้น้ำผึ้งในการแต่งรสยา เพื่อให้ยารับประทานง่ายขึ้น แต่จะไม่ใช้กับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูง 
          น้ำผึ้งค้างปีหรือน้ำผึ้งเก่า จะมีฤทธิ์เย็นรสหวานฝาดร้อนกินเป็นยาระบายธาตุและใช้เป็นกระสายยาแทบทุกชนิด  แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งใหม่ เอามาใช้แก้ไอ ขับเสมหะ นอกจากนี้ทางการแพทย์ยังใช้น้ำผึ้งเป็นสารยึดเกาะ ประสานระหว่างผงยาโดยเฉพาะยาแผนโบราณจะใช้เป็นกระสายยาซึ่งมีความสำคัญในการพายาให้ถึงเป้าหมาย

ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำผึ้ง
1. น้ำผึ้งช่วยขับสารพิษตกค้างต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
2. น้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ได้ดี
3. น้ำผึ้งช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้ทำงานได้อย่างปกติ
4. น้ำผึ้งช่วยให้ปอดแข็งแรงและชุ่มชื้น
5. น้ำผึ้งช่วยบรรเทาอาการไอแห้ง ๆ แบบไม่มีเสมหะ และอาการไอแบบเรื้อรัง
6. น้ำผึ้งช่วยบำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีในร่างกาย
7. น้ำผึ้งช่วยบำรุงสมองให้ทำงานได้ดี

                                                        8 .น้ำผึ้งช่วยให้นอนหลับได้สบายมากยิ่งขึ้น

ข้อห้ามในการรับประทานน้ำผึ้ง
1. ห้ามรับประทานน้ำผึ้งต่อวันมากเกินกว่า 50 กรัม
2. ผู้ที่มีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลวควรหลีกเลี่ยง
3. ผู้ที่อาเจียนบ่อย หรืออยู่ในภาวะอาหารไม่ย่อยควรหลีกเลี่ยง
4. ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานอยู่ หรือเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ ห้ามรับประทานอย่างเด็ดขาด
5. การเลือกน้ำผึ้งมาดื่มจำเป็นต้องทราบถึงแหล่งที่มา เพราะอาจได้มาจากน้ำหวานของดอกไม้ที่มีพิษ   

        นอกจากจะมีสรรพคุณทางยาแล้ว น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว   เพิ่มความกระจ่างใสบริเวณใบหน้า สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียลดสิว ในปัจจุบันจึงมีการใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเวชสำอาง ใช้ดูแลผิวพรรณ รวมถึงอาหารเสริมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น

 

จัดเรียงข้อมูล พท.ภ.จิราภา  ทองพึ่งสุข

   

แหล่งข้อมูล
    1. กรมการแพทย์แแผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

    2. วารสารหมอชาวบ้านฉบับที่ 519 ปีที่ 14 กรกฎาคม 2565